เนื้อหานี้ เป็นส่วนหนึ่งของวิชาเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
1. รายละเอียด CFS ที่แสดงถึงความสำเร็จของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในประเทศไทย
- Convenience (Ease of usage) คือ ความสะดวกสบายในการใช้งานตัวเวป เพื่อจุดประสงค์ต่าง ๆ ในแง่ของการออกแบบที่ใช้งานง่าย มีส่วนช่วยเหลือในการซื้อ ขาย ค้นหาข้อมูล หรือการตรวจสอบโปรเซสต่าง ๆ เช่น การสั่งซื้อ เป็นต้น ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้วิจัย เนื่องจากเวปไซต์ส่วนที่ประสบความสำเร็จในประเทศ ตัวเวปมีความง่ายในการใช้งาน ทั้งในส่วนการค้นหาข้อมูล หรือเนื้อหาข้อมูลที่มีมากพอต่อการตัดสินใจ
- Privacy คือ ข้อมูลส่วนตัวที่จัดเก็บอยู่ในเวปไซต์อีคอมเมิร์ซมีความเป็นส่วนตัว ไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์อื่น ๆ ได้ ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้วิจัย เวปไซต์ที่ทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซ จำเป็นต้องรักษาความเป็นส่วนตัวของลูกค้า และจะต้องประกาศนโยบายเรื่องนี้อย่างชัดใจในตัวเวป
- Security คือ ตัวเวปไซต์มีความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ เช่น ความปลอดภัยในการชำระเงิน ความปลอดภัยในการสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้วิจัย ในเรื่องความปลอดภัย เวปไซต์ที่ประสบความสำเร็จในไทยนั้นจำเป็นต้องรักษาความปลอดภัยในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างความเชื่อใจให้ลูกค้าที่จะเข้ามาใช้บริการ ในส่วนการชำระเงินนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องบัตรเครดิตที่ต้องทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าเมื่อให้หมายเลขบัตรไปแล้ว จะไม่ถูกนำไปใช้ หรือถูกขโมยไปได้
- Brand name คือ รูปลักษณ์ของแบรนด์ที่สามารถจะสร้างชื่อโดยใช้เทคนิคการสร้างแบรนด์ทั้งแบบออนไลน์หรือออฟไลน์ ส่วนนี้มีทั้งเห็นด้วยแหละไม่เห็นด้วย ที่เห็นด้วยคือ การสร้างแบรนด์เพื่อให้ลูกค้าจดจำนั้น ควรมีสินค้าเป็นของตนเอง ส่วนที่ไม่เห็นด้วยคือ กรณีที่ขายสินค้าของคนอื่น การสร้างแบรนด์นั้นอาจจะเป็นการสร้างความเชื่อใจต่อตัวเวปไซต์ หรือบริษัทมากกว่า เพราะสินค้าไม่ใช่ของตนเอง
- Choice/selections of products/service คือ ตัวเลือกของสินค้า ซึ่งมีตัวเลือกให้เลือกซื้ออย่างพอเหมาะ รวมถึงบริการต่าง ๆ เช่น บริการสอบถามข้อมูลตัวสินค้า บริการช่วยเหลือในการสั่งซื้อ ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้วิจัยในเรื่องของสินค้า ถ้ามีตัวเลือกที่หลากหลาย รวมถึงบริการที่น่าประทับใจ ลูกค้าก็จะบอกต่อ ๆ กันไปว่าเวปไซต์นี้ซื้อแล้วไม่มีปัญหา และยังมีสินค้าให้เลือกอย่างหลากหลายอีกด้วย
- Online and offline/promotion/advertising คือ การทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ รวมถึงจัดโปรโมชั่นในรูปแบบทั้งบนหน้าเวป หรือตามหน้าร้านสำหรับดึงดูดลูกค้าให้มีการซื้อได้ ส่วนนี้มีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับผู้วิจัย ส่วนที่เห็นด้วยคือ การจัดทำโฆษณา หรือโปรโมชั่นนั้นเป็นสิ่งจำเป็นในการแข่งขัน ซึ่งราคาจะเป็นตัวกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจที่จะซื้อสินค้ามา อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่ไม่เห็นด้วยคือ การทำโปรโมชั่นที่แตกต่างกันระหว่างร้านแบบออนไลน์และออฟไลน์นั้น ย่อมจะทำให้ลูกค้าเกิดความคิดที่ไม่ดีต่อแบรนด์ว่า ทำไมร้านค้าเดียวกัน แต่ราคาหน้าเวปกับราคาหน้าร้านแตกต่างกัน สิ่งนี้อาจจะก่อให้เกิดความไม่เข้าใจต่อลูกค้า หรือลูกค้าอาจจะเลือกการสั่งซื้อแบบใดแบบหนึ่งก็ได้
- Delivery of products/services คือ การบริการจัดส่งสินค้า ตัวเวปเมื่อสั่งซื้อแล้ว จะมีการจัดส่งสินค้าในรูปแบบไหน มีการจัดส่งในต่างประเทศได้หรือไม่ เป็นต้น ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้ทำวิจัย เนื่องจากการจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้านั้น ย่อมต้องระบุวันเวลาที่จะถึง จัดส่งอย่างไร ซึ่งถ้าลูกค้าไม่ได้รับภายในกำหนด ย่อมสร้างความเสียหายแก่ลูกค้าได้ โดยเฉพาะการทำธุรกิจแบบ B2B
- Customer/Supplier service/support, interaction คือ การบริการหลังการขาย ลูกค้าสามารถติดต่อผู้ขายได้อย่างไร ในกรณีที่สินค้ามีปัญหา หรือจะให้ความช่วยเหลือได้ในระดับไหน ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้วิจัย เนื่องจากลูกค้าเมื่อได้ซื้อสินค้าหรือบริการไปแล้วเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา การมีฝ่ายบริการลูกค้าจะทำให้ลูกค้าคลายความกังวลว่า ไม่ถูกทอดทิ้งหลังจากซื้อสินค้าไปแล้ว ถ้าการบริการดี ลูกค้าประทับใจในบริษัท ลูกค้าก็จะไม่เกิดความกังวลต่อการซื้อสินค้าไปแล้วเกิดปัญหาได้
- Industrial Experience คือ ประสบการณ์ในธุรกิจที่ทำอยู่ มีประสบการณ์มากน้อยแค่ไหน อาจจะใช้ประสบการณ์จากร้านค้าแบบออฟไลน์ หรือดูกรณีศึกษาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซอื่น ๆ มาปรับปรุงธุรกิจตัวเอง ส่วนนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยกับผู้ทำวิจัย การใช้ประสบการณ์จากการทำธุรกิจแบบออฟไลน์หรือดั้งเดิม (traditional) มาใช้ อาจจะไม่ประสบความสำเร็จสำหรับการทำธุรกิจออนไลน์ เนื่องจากรูปแบบการเลือกซื้อ หรือการชำระเงิน การส่งมอบของจะไม่เหมือนกับการไปซื้อที่ร้านค้าโดยตรง ดังนั้น อาจจะจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ด้านอื่น ๆ มาช่วยเสริมในการทำธุรกิจออนไลน์ด้วย
- Technical capability คือ ประสิทธิภาพของทีมงานไอที ในการที่จะพัฒนาเวปไซต์ให้มีความสะดวก ซึ่งส่วนนึ้ก็ขึ้นกับประสบการณ์ของผู้พัฒนาแต่ละคนที่จะใช้เทคโนโลยีอะไรในการมาปรับปรุงเวปไซต์ ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้วิจัย ถ้าทีมงานที่ไม่มีความชำนาญในการออกแบบ และพัฒนาเวปไซต์จะทำให้เวปไซต์ขาดความยืดหยุ่น หรือตอบสนองต่อการสั่งซื้อได้ลำบาก ทีมงานนี้อาจจะสร้างแผนกไอทีสำหรับพัฒนาระบบในองค์กร หรือจะจ้างในลักษณ์เอาท์ซอร์สมาจัดการ ก็ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์แต่ละบริษัทในมุมมองด้านนี้
- Customer trust คือ การสร้างความเชื่อถือให้แก่ลูกค้า เพื่อที่จะให้ลูกค้ามั่นใจว่าเมื่อมีการซื้อสินค้าแล้วย่อมได้ของแน่นอน รวมถึงความปลอดภัยในการชำระเงิน หรือสั่งซื้อด้วย ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้วิจัย เนื่องจากความเชื่อถือของลูกค้านั้นสำคัญมาก ถ้าลูกค้าไม่เชื่อถือในตัวเวปไซต์ หรือธุรกิจออนไลน์ ก็จะไม่มาใช้เป็นครั้งที่สอง ที่แย่ไปกว่านั้น อาจจะมีการบอกต่อ ๆ ไป ทำให้เวปไซต์ขาดความน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก
- Internet Connection (affordability, speed, reliability) คือ การเชื่อมต่ออินเทอร์เนต ตัวเวปมีความเสถียร มีความเร็วที่ให้บริการแก่ลูกค้าพร้อม ๆ กัน เซิร์ฟเวอร์มีความน่าเชื่อถือ สามารถรันได้ 24 ชั่วโมงโดยไม่มีการล่มของเซฺิร์ฟเวอร์ให้เห็น ส่วนนี้เห็นด้วยกับผู้วิจันย ปัจจุบัน อินเทอร์เนตมีความเร็วสูง ราคาถูกลง ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา ดังนั้นตัวเวปไซต์จำเป็นต้องมีเสถียรภาพ สามารถให้บริการได้ตลอดเวลา เพราะผู้ซื้ออาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นลูกค้าในประเทศเท่านั้น อาจจะเป็นลูกค้าจากประเทศใดในโลกมาซื้อของที่เวปไซต์ได้ตลอดเวลา
2. ตารางเปรียบเทียบ CFS จากเปเปอร์ที่อ้างอิง เทียบกับเวป ChulaBook, OfficeMate และ PowerBuy

ส่วนที่มี CFS ที่เหมือนกันกับใน Paper
- Convienience
- Privacy
- Security
- Choice/Selection of Product/Service
สำหรับเวปไซต์ Chulabook หรือ PowerBuy นั้น ตัวสินค้ามีให้เลือกตามหมวดหมู่ที่สนใจ สำหรับการบริการ สามารถติดต่อสอบถามโดยใช้อีเมล์ โทรศัพท์ หรือ Online Chat ซึ่ง Officemate ได้นำมาใช้ในการติดต่อลูกค้าแบบ Live Chat เป็นต้น
- Online and Offiline Promotion/Advertising
- Delivery
ส่วนที่มี CFS ที่แตกต่างกันกับใน Paper
- Integration of online and offline strategies
ในประเทศไทยนั้น บริษัทที่จัดทำเวปไซต์ส่วนใหญ่มีจุดเริ่มต้นจากหน้าร้านที่ขายของเดิม และมีการขยายช่องทางการขายมายังแบบออนไลน์ ดังนั้น กลยุทธ์ที่ขายหน้าร้านกับขายบนเวปส่วนใหญ่จึงมีลักษณะไปด้วยกัน
สำหรับเวปไซต์ Chulabook และ PowerBuy นั้นมีกลยุทธ์ทั้งในส่วนของหน้าร้าน (ออฟไลน์) และร้านค้าออนไลน์ ซึ่งกลยุทธ์ที่จัดทำ ลูกค้าจะไม่รู้สึกถึงความแตกต่างด้านราคา และยังคงทราบได้ถึงสินค้าที่สามารถสั่งซื้อได้เช่นเดียวกับการไปซื้อที่ร้านค้า
- Content and Price
เนื้อหา และข้อมูลสินค้าต่าง ๆ ในเวป จะเป็นสิ่งดึงดูดให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เนตเข้ามาค้นหาสินค้า รวมถึงเปรียบเทียบราคาสินค้าต่าง ๆ ซึ่งอาจจะเปรียบเทียบกับเวปไซต์อื่น หรือเปรียบเทียบสินค้าลักษณะเดียวกันแต่คนละยี่ห้อ ก็ทำให้โอกาสที่จะขายได้มีสูงมากขึ้น สำหรับเนื้อหาสินค้านั้น พบว่าเวปไซต์ที่ศึกษามีการนำสินค้านำเสนออย่างมากมาย ไม่ต่างอะไรกับหน้าร้าน
ในตัวเวป ChulaBook มีการแยกหมวดหมู่รายการหนังสืออย่างชัดเจน ทำให้การค้นหามีความง่ายดาย และในส่วนราคานั้น มีการลดราคาแทบทุกรายการหนังสือที่ขายผ่านออนไลน์อย่างน้อย 10% เมื่อเทียบกับไปซื้อที่ร้านหนังสือ ซึ่งบางเล่มจะไม่มีส่วนลดใด ๆ เลย
ในตัวเวป OfficeMate มีการแยกหมวดหมู่สินค้า และมีการให้บริการดาวน์โหลดแคตตาล๊อกออนไลน์ รวมถึงมีการจัดทำส่วนการสั่งซื้อออนไลน์สำหรับลูกค้าประเภท B2B ส่วนราคานั้น มีการจัดทำโปรโมชั่นสินค้าต่าง ๆ ออกมาตลอดเวลา และมีการเปรียบเทียบราคาสินค้าในแต่ละชนิดให้ทันที รวมถึงการสั่งซื้อในลักษณะขายส่ง (สำหรับ B2B) ซึ่งจะระบุราคาที่ถูกกว่าซื้อแบบขายปลีก (B2C)
สำหรับเวป PowerBuy นั้น มีการแยกหมวดหมู่เหมือนกับเวปไซต์อื่น ๆ ส่วนที่น่าสนใจคือ สามารถเลือกสินค้าที่จะเปรียบเทียบได้ด้วยตนเอง ซึ่งเวปไซต์จะจัดการเนื้อหาเหล่านั้นทันที ทั้งในส่วนรายละเอียด และราคาสินค้าแต่ละประเภท สำหรับราคานั้น ดูแล้วไม่ค่อยจะแตกต่างจากโบร์ชัวร์ที่แจกที่หน้าร้าน ซึ่งราคานั้น อาจจะมาจากนโยบายที่ให้ราคาทั้งแบบออฟไลน์และออนไลน์นั้นไม่แตกต่างกันจากทางผู้บริหาร
- Trade rules and regulations
เป็นปัจจัยในเรื่องกฎระเบียบทางการค้าที่ผู้ประกอบการเวปไซต์จะต้องทำตาม ในที่นี้ผู้ศึกษามองไปที่การเข้าร่วมกับกรมทะเบียนการค้า และมีการจดทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ใช้ว่า เวปไซต์ขายของออนไลน์แห่งนี้ มีการทำตามกฎระเบียบของทางการอย่างถูกต้อง
ในตัวเวปของ Officemate และ PowerBuy นั้น ได้มีการประกาศหมายเลขทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ไว้ที่หน้าเวปอย่างชัดเจน ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่า เวปไซต์มีตัวตนจริง ไม่ใช่เป็นเวปไซต์หลอกลวงแต่อย่างไร
ในส่วนของเวป Chulabook นั้น ผู้ศึกษาได้พยายามค้นหาหมายเลขทะเบียนผู้ประกอบการพาณิชย์อิเลคทรอนิกส์ แต่ไม่พบว่ามีการจดทะเบียนอย่างไร อาจจะเพราะตัวเวปมีภาพลักษณ์ที่ดีในนามของจุฬาสั่งสมมานาน จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนก็เป็นได้
- Multilanguage web site
ปัจจัยเรื่องภาษา เป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับเปิดประตูสู่การขายกับผู้ซื้อชาวต่างประเทศ ถ้าเนื้อหาในเวปมีความหลากหลายของภาษาเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่กลุ่มลูกค้าต่างประเทศในแต่ละประเทศจะเข้าใจถึงสินค้าที่เราต้องการขาย สำหรับเรื่องเวปไซต์หลายภาษานั้น อย่างน้อยควรจะมีภาษาอังกฤษ และภาษาท้องถิ่นอย่างละภาษา สำหรับเวปไซต์ไทยนั้น การทำเวปไซต์หลายภาษานั้น ส่วนมากจะขึ้นกับเนื้อหาสินค้าที่ต้องการขาย ถ้าขายสินค้าในหมวดท่องเที่ยว ความหลากหลายของภาษาเป็นสิ่งจำเป็น สำหรับกรณีศึกษาจากเวปไซต์ทั้ง 3 แห่งนั้น พบว่า มีเพียง Officemate ที่จัดทำเวปไซต์สองภาษาไว้ ซึ่งคาดว่ากลุ่มลูกค้าในส่วน B2B ที่เป็นบริษัทร่วมทุนข้ามชาตินั้น ยังเป็นตลาดที่จะขยายต่อไปได้ ถ้ามีเวปไซต์ที่แสดงรายละเอียดในภาษาอังกฤษ ก็ย่อมเข้าถึงบริษัทนั้น ๆ ได้อย่างง่ายดายมากขึ้น ในส่วน Chulabook และ PowerBuy ไม่มีการจัดทำแต่อย่างไร ซึ่งสินค้าที่ทั้งสองเวปไซต์ขายนั้น จะขายแต่ภายในประเทศเท่านั้น และกลุ่มลูกค้าจะเน้นเป็นคนไทยเป็นหลัก
- Technology-Relate Facotr (Scalability/Stability/Availability/Speed of System)
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับทางด้านเทคโนโลยีนั้น จากเปเปอร์ของผู้วิจัยที่ได้อ้างถึงความสำเร็จในอีคอมเมิร์ซของไทยนั้น มีเพียงอย่างเดียวคือ ด้านความปลอดภัย (Security) ปัจจุบัน ผู้ศึกษาได้เห็นว่า ในส่วนอื่น ๆ ของปัจจัยนี้ได้เพิ่มขึ้นในทุกด้าน ทั้งด้าน การรองรับงาน (Scalability), ความมั่นคงของระบบ (Stability), การทำงานได้อย่างต่อเนื่อง (Availabilty) และความเร็วของระบบ (Speed of System) ทั้งนี้ อาจจะมองว่า เทคโนโลยีเหล่านี้มีราคาถูกลง ทำให้บริษัทกล้าที่จะลงทุนในตัวเทคโนโลยีมากขึ้น การมีบุคคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการดูแลที่มากขึ้น ก็ทำให้ปัจจัยเหล่านี้มีผลต่อความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซไปด้วย สำหรับเรื่องความเร็ว อาจจะมองทั้งในส่วนของตัวเซิร์ฟเวอร์ และส่วนของอินเทอร์เนต ซึ่งอย่างที่ได้กล่าวไปคือ ตัวเทคโนโลยีมีราคาถูก ซึ่งในส่วนเซิร์ฟเวอร์ราคาถูกลง ประสิทธิภาพสูงขึ้น และทางการสื่อสารอินเทอร์เนตที่มีการแข่งขันกันสูงในปัจจุบัน ทำให้จ่ายค่าเช่าลิสต์ไลน์ในราคาที่ถูกลงกว่าสมัยก่อน แต่ได้ความเร็วที่มากขึ้น ทำให้การสื่อสารได้รวดเร็ว
ในส่วนเวปไซต์ทั้ง 3 แห่งนั้น ผู้ศึกษายอมรับว่า ไม่สามารถเข้าถึงรายละเอียดในส่วนนี้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาจากเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการนั้น มีการรองรับผู้ใช้ได้จำนวนมาก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของตัวเซิร์ฟเวอร์ที่ให้บริการว่ามีความมั่นคง (Stability) ในระดับสูง ตัวสินค้ามีจำนวนมาก ย่อมแสดงให้เห็นถึงการรองรับการเพิ่มเนื้อหาสินค้าที่มากขึ้น (Scalability) รวมถึงการค้นหาสินค้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถทำการให้บริการได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา (Availability) โดยไม่มีการล่มของเซิร์ฟเวอร์ได้
- Target market/Market segment/Market position
กลุ่มตลาดเป้าหมายของแต่ละบริษัทนั้น ย่อมต้องวางตำแหน่งตลาดที่แตกต่างกัน ในการวางตลาดก็ย่อมต้องพิจารณาถึงสินค้าที่จะขายว่าอยู่ในกลุ่มประเภทไหน หรือจะวางตัวเป็นเวปไซต์ที่ขายในลักษณะ B2B หรือ B2C ซึ่งจะทำให้กำหนดทิศทางทางการตลาดเป็นไปได้อย่างสะดวกมากขึ้น รวมถึงราคาที่จะขายให้แก่ลูกค้า และการทำโปรโมชั่นต่าง ๆ ด้วย
เวปไซต์ Chulabook และ PowerBuy นั้น กลุ่มตลาดเป้าหมายจะเน้นไปยังลูกค้าแบบ B2C ซึ่งตลาดลูกค้านี้จะเป็นบุคคลทั่วไปที่สนใจในสินค้านั้น ๆ แต่สำหรับเวปไซต์ Officemate นั้น ได้พยายามจับกลุ่มลูกค้าทั้งแบบ B2B และ B2C โดยแบบ B2B นั้น มีการทำการตลาดที่ถ้าลูกค้าซื้อในปริมาณมาก ก็จะได้รับส่วนลดที่มากขึ้น เปรียบเสมือนการขายแบบขายส่ง แต่ถ้าในกลุ่ม B2C นั้น ก็ได้จะได้อีกราคานึง อย่างไรก็ตาม ถ้าลูกค้า B2C ต้องการซื้อในปริมาณที่มากเท่า ๆ กับการขายให้ B2B ก็ได้รับราคาแบบ B2B (แบบขายส่ง) เช่นเดียวกัน
- Knowledge of Internet culture
การทราบถึงวัฒนธรรมการใช้งานอินเทอร์เนตของผู้ซื้อนั้น ย่อมสามารถวางกลยุทธ์ในการจัดการบริหารแก่เวปไซต์ได้ อย่างเช่น ผู้ใช้อินเทอร์เนตชาวไทยที่อยู่ในวัยเรียน หรือเพิ่งจะเริ่มทำงานนั้น ยังไม่มีบัตรเครดิตกันเท่าไรนัก เวปไซต์ก็อาจจะเสนอการชำระเงินในรูปแบบ การโอนเงินผ่านธนาคารหรือตู้เอทีเอ็ม หรือการใช้บริการเก็บเงินปลายทาง เพิ่งดึงดูดให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าจากทางเวปไซต์ได้
ซึ่งจากการศึกษาจากทั้ง 3 เวปไซต์ พบว่าทั้งหมดมีรูปแบบการชำระเงินที่สอดคล้องกัน คือ มีรับชำระทั้งผ่านบัตรเครดิต และโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร ซึ่งก็จะตอบสนองรูปแบบการใช้งานของผู้ซื้อได้ครอบคลุมมากขึ้น
Computer literacy of customers
ความเข้าใจในการใช้งานคอมพิวเตอร์พื้นฐานของลูกค้านั้น เป็นสิ่งจำเป็นต่อตัวเวปไซต์ในการนำเสนอเนื้อหา ข้อมูลต่าง ๆ ปัจจุบัน ทั้งในส่วนของราคาคอมพิวเตอร์ที่ถูกลงเมื่อเทียบกับอดีต ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายขึ้น มีหนังสือต่าง ๆ มากมายที่สอนการใช้งาน หรือให้ความรู้กับสิ่งเหล่านี้ ทำให้ผู้ใช้งานไม่กลัวที่จะใช้ ซึ่งก็จะส่งผลดีต่อการทำธุรกรรมทางอินเทอร์เนตด้วย นั่นคือ ผู้ใช้ย่อมรู้สึกว่าการซื้อของผ่านอินเทอร์เนต ไม่ใช่เรื่องไกลตัว มีความปลอดภัย และมีความสะดวกสบายในการสั่งซื้อ
สำหรับเวปไซต์ทั้ง 3 แห่ง ได้มีส่วนแสดงวิธีการสั่งซื้อ ชำระเงิน และการจัดส่งที่ทำความเข้าใจง่าย ผู้ใช้ทั่วไปถ้ายังไม่เข้าใจ ก็สามารถสอบถามทางเวปไซต์ผู้ขายได้โดยตรง ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมล์ หรือช่องทางอื่น ๆ เช่น ทางโทรศัพท์ หรือ MSN เป็นต้น
- Social disturbance
การใช้เครือข่ายสังคมเข้ามาช่วยในการโฆษณานั้น ถือเป็นการใช้ปัจจัยภายนอกที่สำคัญในการโปรโมตสินค้าได้อย่างดี การที่เราเจาะตลาดเข้าไปยังเครือข่ายสังคมนั้น จะเป็นการมุ่งไปยังกลุ่มบุคคลที่ต้องการรับทราบถึงสินค้านั้น ๆ และมีความต้องการที่จะซื้อ ซึ่งผู้ใช้สังคมออนไลน์เหล่านั้นก็จะติดตามสินค้าตัวนั้นอย่างใกล้ชิดมากกว่าลูกค้าทั่ว ๆ ไป
ทั้งเวป Chulabook และ PowerBuy นั้น ถ้าลูกค้าที่สนใจในสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ สามารถจะแชร์สินค้านั้นไปยังเครือข่ายสังคมที่ผู้ใช้ท่านนั้นเล่นอยู่ได้ ซึ่งก็เป็นการช่วยในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตัวสินค้านั้นให้แก่เวปไซต์ทั้งสองได้
ในส่วนของเวป Officemate นั้น ไม่มีการทำส่วนของสังคมออนไลน์ มีเพียงแค่แชร์สินค้าผ่านอีเมล์ให้คนรู้จักเท่านั้น สาเหตุที่ตัวเวปไม่ได้สนใจที่จะทำ อาจจะเนื่องจากเวป Officemate นั้น โฟกัสกลุ่มลูกค้าที่เป็นองค์กร หรือธุรกิจแบบ B2B มากกว่า ซึ่งองค์กรเหล่านั้นไม่ได้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ก็เป็นได้ ซึ่งตัว Officemate อาจจะใช้กลยุทธ์อื่นในการทำตลาด B2B
สุดท้าย สำหรับปัจจัยอื่น ๆ ที่ไม่ได่้กล่าวถึง นั่นมิได้แสดงว่า เวปไซต์เหล่านี้ไม่ได้ทำแต่อย่างไร เพียงแต่ผู้เขียนมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มิได้เผยแพร่ในตัวเวปไซต์ แต่ถ้ามีการสอบถามไปยังเจ้าของกิจการเหล่านี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อความสำเร็จในธุรกิจอีคอมเมิร์ซก็อาจจะมีมากยิ่งขึ้น
No comments:
Post a Comment